วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วิธีRoot(รูท) Asus Zenfone 4



1.โหลด driver จากเว็ปนี้ไปลงครับ https://software.intel.com/en-us/android/articles/intel-usb-driver-for-android-devices?page=1


2.โหลดไฟล์root แล้วแตกไว้ในโฟล์เดอร์ว่างๆ http://www.mediafire.com/download/i2w000j7s2wyp9a/Root_Zenfone+4_T001.rar


2.1. [update for firmware 4.3.2  http://www.mediafire.com/download/k5jx1d0413sy75x/root432.zip 3.เปิด usb Debugging ใน Developer options หรือโหมดนักพัฒนา


4.ปิดเครื่อง แล้วเข้า droidboot mode โดยการกด power+เพิ่มเสียงกับลดเสียงพร้อมกัน

ค้างไว้จนกว่าจะขึ้น logo แอนดรอยใส่หมวก จากนั้นกด back จะขึ้น droidboot โหมด


5.เสียบสาย usb ต่อกับ pc แล้วในหน้าจอมือถือ จะขึ้นว่า redy for download 


6.เปิดโฟล์เดอร์ที่เราแตกไฟล์rootไว้ แล้วเปิดตัว OPEN จากนั้นจะมีหน้าจอสีดำขึ้นมา


7.พิมพ์ตามนี้เลยครับ     [fastboot flash update root_zenfone4_v4.2.0.zip] ก๊อปไปวางก็ได้นะครับ (ไม่ต้องพิมพ์วงเล็บ) เสร็จแล้วกด "enter"
 



8.รอให้เจ้า zen4 รีบูทแล้วติดตั้งเสร็จ เครื่องจะเปิดขึ้นมา ให้เราสังเกตุว่ามีแอป supersu ไหม ถ้ามีแสดงว่ารูทเรียบร้อยแล้วครับ

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

มหนุษย์เงา

“มนุษย์เงา”…..วิญญาณหรือต่างดาว!!


แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำระดับโลก เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งเร้นลับ
หลากหลายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันยังต้องยอมรับว่าในโลกใบนี้
ยังมีปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอีกมากมายที่กฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์
ในยุคนาโนเทคโนโลยีไม่สามารถหาคำตอบได้….


มีคำถามว่า? เหตุใดสิ่งเร้นลับจึงผุดเกิดขึ้นมากมายในระยะนี้
คำถามนี้เคยมีนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำให้คำอธิบายไว้ว่า
เป็นเพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั่นเองทำให้เรารับรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน


เช่นดวงตาของเราได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีวัฒนาการน้อยกว่าดวงตาของหมึกยักษ์
เช่น หมึกพอล เสียอีก (แม้จะอำลาโลกไปแล้ว ) ดังนั้นเนื้อตาธรรมดา
ก็ยอมมองเห็นสรรพสิ่งได้เฉพาะบางสิ่งบางมิติหรือเห็นได้เพราะ
ผู้ที่มีความเจริญวิวัฒนาการมากกว่ายอมมองเห็นได้ดี


กับการปรากฏตัวของ “มนุษย์เงา” นั้นนับวันมีคนพบเห็นบ่อยครั้งขึ้นนั้น
มีคำอธิบายว่า น่าจะเกิดจากเหตุผล 2 ประการที่กล่าวมา ทั้งที่ผู้มาอย่างเร้นลับ
ยอมปรากฏตัวให้เห็น และการใช้กล้องถ่ายภาพเทคโนโลยีชั้นสูง
หรือแม้แต่กล้อง ธรรมดาที่เราใช้อยู่ทุกวัน ถ่ายภาพเอาไว้ได้




นักวิจัย ร็อด เลิฟเลสส์ อายุ 49 ปี ชาวแคนนาดา ผุ้เชียวชาญด้าน
ตามล่าหาความจริงต่อปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ มานาหลายปี
และเป็นหัวหน้ากลุ่มนักวิจัยที่เรียกตัวเองว่า “โกสต์ ออฟ เดอะ เกรท ไวท์ นอร์ธ”หรือกลุ่มปีศาจขาวแห่งทวีปอเมริกาเหนือกล่าวว่า


“ตามข้อเท็จจริงนั้น คนเราสามสามารถมองเห็นมนุษย์เงาได้บางโอกาส
เช่น ปรากฏการณ์แว่บเดียว ซึ่งมองด้วยหางตา”




นักวิจัย ร็อด อธิบายว่า “มันเกิดขึ้นบ่อยครั้งที่คนเรามองเห็นอะไรแว่บๆ จากหางตา

จากบริเวรแสงสลัวมีแสงน้อย บางคนรู้สึกว่ามีแรงลมกระทบผิวหนัง (หรือการอาการเสียวสันหลังขนลุก) ทั้งๆที่ห้องอับลม”


“แต่เมื่อเร็วๆนี้ เราได้ รับรายงานว่า มีคนพบเห็นมนุษย์เงาอย่างจะๆเต็มตา
ได้พบเห็นหลายคนครั้งและหลายคน ปรากฏการณ์เช่นนี้ บอกให้รู้ว่า
เป็นความจงใจของมนุษย์เงาต้องการให้เราเห็นรูปร่างของพวกเขาด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้”



นักวิจัย ร็อด เปิดเผยการจับมนุษย์เงาด้วยกล้องถ่ายภาพว่า
“เราใช้กล้องถ่ายภาพระบบดิจิตอล และ จับภาพด้วยรังสีความร้อน
ทำให้ให้ได้ภาพมนุษย์เงาค่อนข้างชัดเจนมาก แต่ภาพที่เราได้มาสร้างความประหลาดใจแก่นักวิทยาศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง
เพราะสามารถแปรรูปเปลี่ยนสภาพไปตามระดับอุณหภูมิได้

ภาพที่ทีมงานของผมถ่ายมาได้ เป็นเงาดำที่ไม่มีรูปร่างแน่นอน
เป็นเงาดำล่องลอยไปเหมือนฟองอากาศ
หากมีช่องว่างในห้องเงาดำนั้นสามารถลอยลอดออกไปได้


โดยการแปรสภาพให้มีขนาดเล็กลงเพื่อลอดช่องว่างออกไปได้สะดวก”
ห้องทดลองที่ทีมงาน นักวิทยาศาสตร์ ร็อดล่อให้มนุษย์เข้ามาเพื่อถ่ายภาพเป็นหลักฐานนั้น

กรุด้วยกระดาษเคลือบสารตะกั่วสามารถป้องกันกำมันตภาพรังสีได้และกักกันมนุษย์เงาไว้ได้เช่นกัน





นักวิจัย ร็อด
“เราพบข้อมูลที่น่าสนใจอีกเช่น บริเวณที่ก่อตัวเป็นเงาดำ และแปรสภาพไปเรื่อยๆ
เหมือนกลุ่มควันไฟนั้น เมื่อวัดอุณหภูมิตรงจุดนั้น พบว่าต่ำกว่าอุณหภูมิบริเวณอื่นๆ
ในห้องเกือบ 10 องศา ข้อมูลนี้ตรงกับทฤษฎี การก่อตัวเป็นรูปร่างของดวงวิญญาณ
ต้องอาศัยการดูดซับพลังงานจากรอบ ๆ ตัวเข้ารวมกันเพื่อสร้างเป็นรูปร่างขึ้น
จึงทำให้อุณหภูมิ โดยรอบลดต่ำลงไปด้วย”

“นอกจากพลังงานจากความร้อนแล้วดวงวิญญาณยังต้องอาศัยคลื่นไฟฟ้า
เพื่อทำให้รูปร่างปรากฏชัดชัดยิ่งขึ้น ตรงนั้นทำให้นักวิทยาศาสตร์มีข้อสรุปตรงกันกับ
ทฤษฎี ของ ดร.อัลเบิร์ค ไอสไตน์ ในอดีตที่ว่า ภูตผีดวงวิญญาณมีสภาพเป็นสสารและพลังงาน
ที่ไม่มีรูปกลิ่นเสียง”
(ทฤษฎีนี้ตรงกับความเชื่อในพุทธศาสนาเกี่ยวกับหลักการวิปัสสนากรรมฐาน
หากบรรลุถึงฌานชั้นสูงได้ ก็สามารถทำให้ให้กายทิพย์หรือดวงจิต
ปรากฏเป็นกายหยาบหรือตัวตนได้)

นักวิทยาศาสตร์กล่าวอีกด้วยว่า
“ด้วยเหตุนี้เองเราจึงมองมนุษย์เงาด้วยตาเปล่าไม่เห็น
เพราะการก่อตัวเป็นรูปร่างไม่เข้มข้นพอ
และที่ไม่เข้มข้นก็มาจากเหตุผล
ได้รับพลังงานไม่เพียงพอนั้นเอง”


“มนุษย์เงามักปรากฏตัวในภาพลักษณ์ หากเป็นชายสวมชุดเสื้อคลุมยาว
สวมหมวกฟิดอร่า (หมวกปีกสักหลาดข้างบนเป็นแอ่ง) และไม่มีเงาส่วนเท้า
เพราะมนุษย์เงาเคลื่อนที่โดยการล่องลอยไปเหนือพื้น โดยสูงจากพื้น 5-7 นิ้ว” 



ชิพ เบอร์เนตต์ 1 ในทีมงานวิจัยและได้ชื่อว่าเป็นนักวิจัยจับผีชาวอเมริกันที่มีเชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งกล่าวว่า
“ผมเคยพบด้วยตัวเองเป็นเงาร่างผู้ชายสวมหมวกฮู๊ต (หมวกฮู๊ตรับปริญญา) และร่างเงาที่ปรากฏขึ้นมานั้น
ไม่ว่าผู้หญิง ผู้ชายเหมือนหนัง ขาว ดำ ไม่มีสีอื่นๆ มาแซม”
ข้อมูลที่สำคัญยิ่ง แม้ปรากฏเป็นรูปทรงขอหัว เหมือนหัวคน แต่ใบหน้าไม่เคยมีใครเห็นชัดเจน
เป็นเงาสีดำที่มืดมากกว่าทุกส่วนก็ว่าได้ ซึ่งตรงนี้เรากำลังหาข้อมูลมาวิเคราะห์กันว่า
เหตุใดมนุษย์เงาจึงจงใจปกปิดใบหน้าของตัวเอง หรือเป็นเพราะว่า
เป็นสิ่งเร้นลับที่ไม่มีใบหน้าไม่มีรูปร่าง เพียงแต่เป็นพลังงานเข้าไปในเสื้อผ้าของคนเรา
แล้วดันให้โป่งพองเป็นรูปร่างเท่านั้น

นักวิจัย ร็อด และทีมงานได้ตั้ง ทฤษฎีเพื่ออธิบายความเป็นมาของมนุษย์เงา
ออกเป็น 3 ทฤษฎี
1. เป็นภูตผีดวงวิญญาณ
2. เป็นผู้อยู่ต่างมิติ และ
3.เป็นพลังงานรูปแบบที่ไร้ตัวตน ไร้สี ไร้กลิ่น หรืออาจเป็นมนุษย์ต่างดาวก็ได้



“ผมมีข้อสมมติฐานว่า หากดวงตาเนื้อของคนเรา วิวัฒนาการไปอีกสัก 5 แสนปี
เราอาจมองเห็นผู้ที่อยู่ต่างมิติได้ หรืออาจมองเห็นตัวเชื้อโรคได้”

“มนุษย์เงาต้องรับรู้ดีว่า มนุษย์โลกไม่อาจมองเห็นพวกตน ด้วยตาเปล่าได้
ดังนั้นการปรากฏตัวให้เห็นมนุษย์เงา ต้องเพิ่มความเข้มข้นของมวลสารที่ประกอบขึ้น
เป็นรูปร่างขณะเดียวกันก็ต้องแลกกับการสูญเสียพลังงานเพิ่มขึ้นไปด้วย”


“พวกเราต่างรู้กันว่า สสารดำรงอยู่ได้เพราะได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังงาน
นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ว่าเหตุใดมนุษย์เงาจึงไม่อาจปรากฏตัวให้เราเห็นอย่างชัดเจนได้
เพราะต้องใช้พลังงานมาก”


อย่างไรก็ตามนักวิจัย ร็อด ตั้งความหวังว่าเมื่อใดที่วงการวิทยาศาสตร์ของโลก
ได้พัฒนาถึงขั้นค้นพบ “สะพานแห่งมิติ” ถึงเวลานั้นดวงตาธรรมดาๆ ของมนุษย์ก็อาจสามารถมองเห็นผู้ที่อยู่ต่างมิติได้


“ผมให้เวลาอีกไม่เกิน 10 ปีแล้วเราจะรู้ว่า ที่แท้ผี ดวงวิญญาณ และมนุษย์เงา
คืออะไรกันแน่” นักวิจัยร็อด กล่าวทิ้งท้าย


ที่มา: http://allmysteryworld.blogspot.com/2012/01/blog-post_16.html#ixzz2YH41OyJO

วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แจกเงินฟรี แค่สมัครรับเงิน 100$

ขอแนะนำธุรกิจตัวใหม่จากต่างประเทศ(เศรษฐีดูไบ dubai) แค่สมัคได้เงินทันที 100$

สมัครฟรีทิ้งไว้เล่นๆก่อนก็ได้ ไม่เสียหายอะไร สมัครปุ๊บได้100 เหรียญเลย


มี Down Line (ทั่วโลก)ต่อทันที สมัครได้เพียงแค่ประมาณ 1วันมี Down Line (ทั่วโลก)


สมัครฟรี: 


= ผู้สมัครรับ 100 ดอลล่าร์ (ดอลลาร์ละ 30.891 บาท) ทันทีเข้าไปดูได้เลยเมื่อสมัคเสร็จ


= แนะนำตรงรับ 25 ดอลล่าร์ ต่อ สมาชิก 1 คน


= ใต้สายงานทั้งหมดรับ 2 ดอลล่าร์ต่อคน จนถึงชั้นที่ 50


** ลองสมัครดูไม่เสียหายอะไร แถมได้ตังค์ใช้ฟรีๆ ((เขาส่งบัตร ATM มาให้)) **




แนะนำว่า


(โพสโฆษณาตามเว็บบอร์ดต่างๆ) เมื่อวานได้รับบัตร ATM ไปกดเงินที่ธนาคารกรุงเทพได้มา 35,000 บาทเสียค่าธรรมเนียม 500บาท เลยลองสมัคดู เพราะไม่น่ากลัว เขาไม่เอาหมายเลขบัญชีเรา กับตอนสมัค ก็ ไม่ต้องใช้หมายเลขบัตรประชาชนด้วย แต่เราต้องกรอกที่อยู่จริงๆไปเพราะเขาจะส่งบัตร ATM มาให้ตามที่อยู่เรา พอเราได้รับบัตร ATM จากไปรษณีย์ เราก้อกดเงินใช้ได้เลย” ลองสมัคดูได้เลย ฟรีแถมได้ตังอีก 100 ดอลล่า



วิธีสมัครง่าย มากๆ

1. เข้าเว็บ http://phanupankyo.dubaimlm.com (ก๊อบปี้ลิ๊งค์ไปวางช่องด้านบน)


2. ไป Register Now เมนูด้านบน หรือ ปุ่มด้านล่างสุดของเว็บค่ะ


3. กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษนะ หมายเลยโทรศัพท์ใส่แต่ตัวเลยไม่มีตัวขีดขั้น เช่น 0870000000


4. กรอกมาเรื่อยๆจนล่างสุด (User Name: ชื่อในการ login ของเรา เมื่อคุณ กำหนด User Name แล้วจะพบว่า User Name นี้จะเป็น ชื่อ Website URL โดยอัตโนมัติ ) เราจะได้ลิ๊งค์เว็บไซต์สามารถแนะนำคนต่อได้เลย


5. จะมีคำถามภาษาอังกฤษ 2 ข้อล่างให้เราตอบ NO


6. กด Continue ตรวจทานข้อมูล และ Continue ไปจนเสร็จทุกขั้นตอน เอา username กับ password ที่ตั้งไว้ Login เข้าไปดูรายได้ ในช่อง Earning จะมีเงิน 100 เหรียญ ทันที


แต่ถ้าเราแนะนำเพื่อนให้กรอกข้อมูลแบบเรา เราก้อจะได้เพิ่มหัวละ 25 เหรียญทันทีโดยเอาชื่อเว็บที่เราตั้งไว้ http://xxxxxx.dubaimlm.com ไปแนะนำเพื่อนให้กรอกแบบสอบถามเหมือนเรา


ง่ายมากๆ ลองสมัคดู http://phanupankyo.dubaimlm.com (ก๊อบปี้ลิ๊งค์ไปวางช่องด้านบน)


รอรับบัตรอยู่บ้าน...

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

10 เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์


เวลาดูรายการสารคดีแต่ละประเภท เคยสงสัยกันไหมว่า พวกนักโบราณคดีเขาหาคำตอบมา จากไหน? ยังไง? และประติดประต่อเรื่องราว ต่างๆนั้นได้ยังไง เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นเวลา กว่า ร้อย พัน ล้าน ปี ทำให้ ทีนเอมไทย สงสัยว่าทำไมพวกเขาหาคำตอบได้เก่งขนาดนี้ และ จะมีไหม?อารยธรรม หรือ เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ และ ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ อะไรที่ยังคงเป็นเรื่องลึกลับตลอดกาล….
ข้อมูล teen.mthai.com อ้างอิง postjung.com
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
ถูกเรียกว่าเป็น เกาะลึกลับฝั่งตะวันออก Rongorongo เคยเป็นแคว้นที่อยู่อาศัยของผู้อพยพ ไม่มีเพื่อนบ้าน และไม่มีภาษาเขียน ดินแดนแห่งนี้เชื่อว่าเจริญมากในยุค 1700 s และเพราะไม่มีภาษาเขียน จึงไม่มีใครหยั่งรู้ว่าแท้จริงแล้ว พวกเขาอยู่กันอย่างไร
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ลำดับ 9 Helike เมืองที่หายไป
กวีชาวกรีกที่โด่งดัง Pausanias บันทึกไว้ว่า เมืองที่ชื่อ Helike ถูกแผ่นดินไหวก่อน ทำให้กลายเป็นเมืองร้าง แล้วตามด้วยสึนามิรุนแรงที่กวาดทุกอย่างพินาศเกินกว่าจะแก้ไข พวกอาร์เคเดียน พยายามบูชา เทพแห่งทะเล อย่าง โปไซดอน หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีใครพบเมืองแห่งนี้อีกเลยจนปี 1861 นักโบราณคดีได้พบเหรียญบรอนซ์ ที่เชื่อกันว่ามาจากเมือง Helike และในปี 2001 พวกเขาได้พบรากของเมือง Helike ใต้แอตแลนติส
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ลำดับ 8  The Bog Bodies
แม้แต่ CSI ยังยอมแพ้กับการสืบเรื่อง Bog Bodies ได้มีการค้นพบศพกว่าร้อยแถบด้านเหนือของยุโรป ล้วนเป็นศพที่ถูกรักษาอย่างดี บางศพมีอายุถึง 2,000 ปี ทุกศพถูกจัดด้วยท่าทางคล้ายกำลังพยากรณ์อะไรบางอย่างท่าทางเช่นนั้นทำให้คนเชื่อกันว่าพวกเขาถูกจับมาบูชายัญ แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าคืออะไรกันแน่???
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ลำดับ 7 ความพ่ายแพ้ของจักรพรรดิ Minoans
นักประวัติศาสตร์ล้วนแล้วแต่สงสัยว่าอะไรทำให้จักรวรรดิโรมันต้องแตก และอะไรทำให้จักรพรรดิ Minoans สูญเสียอาณาจักรของพระองค์ เชื่อกันว่าในยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของจักรพรรดิ ได้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ ผลการตรวจสอบผืนดินบริเวณนั้น ทำให้นักโบราณคดีคาดเดาว่า การระเบิดครั้งใหญ่ทำให้อาณาจักรต้องล่มสลายลง
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ลำดับ 6 The Carnac Stones
ถ้าเชื่อว่า สโตนเฮ้นจ์ ยิ่งใหญ่แล้ว อนุสรณ์ Carnac Stone ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ที่ชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศฝรั่งเศส เต็มไปด้วยหินกว่า 3,000 ก้อนเรียงรายกันเป็นระยะทางถึง 12 กิโลเมตรจากความเชื่อท้องถิ่น เชื่อกันว่า หินนี้มีประวัติศาสตร์สัมพันธ์กับพ่อมดเมอร์ลิน ส่วนหลักฐานจากนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาหินนี้มากว่า 30 ปี พวกเขาคาดเดาว่า หินเหล่านี้น่าจะไว้ใช้จับแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว แต่เรื่องคนสร้างนั้น ไม่มีใครรู้
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ลำดับ 5 ใครคือโรบิน ฮู้ด
ตำนานน่าสนใจของ ป่าเชอร์วู้ด กษัตริย์ร้าย ๆ และดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก แต่นักประวัติศาสตร์ไม่ค่อยแน่ใจว่ามี โรบิน ฮู้ด ตัวจริงหรือไม่ ความเป็นไปได้น่ะมีอยู่ แต่ก็ยังไม่มีใครหาหลุมฝังศพของวีรบุรุษสุดเท่คนนี้พบเสียที หรือว่ามันจะเป็นแค่ตำนานกันนะ
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ลำดับ 4 กองทัพที่หายไปของชาวโรมัน
หลังจาก กองทัพของเครซซุสแห่งโรมัน พ่ายแพ้ต่อพวก Parthians สิ่งที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ ๆ พวกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และอีก 17 ปีต่อมา นักประวัติศาสตร์ชาวจีนได้บันทึกเรื่องราวของกองทัพประหลาดที่คล้ายกับทหารโรมัน ที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวที่ทะเลทรายโกบี จากการตรวจสอบดีเอ็นเอของแพทย์ยุคปัจจุบัน พวกเขาพบว่าดีเอ็นเอเหล่านั้นไม่ใช่ของชาวจีน แต่เป็นของชนต่างชาติ ผิวขาว ผมทอง และนัยน์ตาสีเขียว และมันคืออะไรกันแน่ ??
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ลำดับ 3 The Voynich Manuscript
The Voynich manuscript คือชื่อของ หนังสือที่อ่านยากที่สุดในโลก หรือ หนังสือที่ลึกลับที่สุดในโลก มีอายุ 500 ปี และถูกค้นพบที่ห้องสมุดเก่าแก่ของโรม มีทั้งหมด 240 หน้า เขียนเป็นภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และยังคงเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้ จากการคาดเดา เชื่อกันว่ามันเป็นหนังสือกฎหมาย… หรือ จำแนกพันธุ์กรรมต่างๆ
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ลำดับ 2 The Tarim Mummies
จากการตรวจสอบบริเวณตะวันตกของประเทศจีน โดย Tarim Basin นักโบราณคดี เขาได้พบมัมมี่กว่า 100 ตัว ที่มีอายุถึงกว่า 2,000 ปี ในตอนแรกทุกคนคิดว่าเป็นมัมมี่ชาวจีน แต่ต่อมาเมื่อศาสตราจารย์ Victor Mair ได้ตรวจสอบดีเอ็นเอของเหล่ามัมมี่ ผลที่ออกมากลับกลายเป็นว่าพวกมัมมี่มีดีเอ็นเอของชาวยุโรป ดังนั้น จึงเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมคนยุโรปมาลงเอยเป็นมัมมี่อยู่ที่จีนได้…
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์
เรื่องลึกลับในประวัติศาสตร์ ลำดับ 1 การหายไปของอารยธรรม Indus Valley
Indus Valley คืออารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดีย เชื่อกันว่าแพร่หลายจากอินเดียตะวันตกไปจนถึงอัฟกานิสถานเลยทีเดียว มีประชากรในชุมชนอยู่ถึง 5 ล้าน และเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าอารยธรรมไหน ๆ เมื่อนักโบราณคดีมาพบ พวกเขาประทับใจอารยธรรมนี้มาก แต่ที่น่าแปลกใจคือ… ไม่มีใครระบุได้เลยว่าอารยธรรมสิ้นสุดที่ไหน อย่างไร ไม่มีหลักฐานของการสู้รบใด ๆ อารยธรรมแห่งนี้เพียงแต่สูญสลายไปอย่างนั้นหรือ? ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้เลย…

Credit: juniperz

วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ปริศนาเรือแมรี่เซเลสเต้


2006/Oct/07


The Mary Celeste
จนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้แน่นอนว่ามีอะไรเกิดขึ้นบนเรือแมรี่เซเลสเต้ ปริศนาทุกอย่างยังคงอยู่ในเงามืดพร้อมกับคน 10 คนที่หายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

เรือแมรี่เซเลสเต้เป็นเรือสัญชาติอเมริกาขนาด 103 ฟุต 282 ตัน เดิมเป็นเรืออเมซอนซึ่งถูกสร้างในปี 1861 และในปี 1869 ก็ถูกปรับปรุงและเปลี่ยนชื่อเป็นแมรี่เซเลสเต้

วันที่ 7 พฤศจิกายน 1872 เรือแมรี่เซเลสเต้ออกเดินทางจากนิวยอร์คมุ่งไปยังเจนัว ประเทศอิตาลี ภายในเรือบรรทุกเอทิลแอลกอฮอล 1,701 บาร์เรล บังคับการเดินเรือโดยกัปตันเบนจามิน บริกก์ส และลูกเรือ 7 คน มีผู้โดยสาร 2 คนคือภรรยาและบุตรสาววัย 2 ปีของกัปตันบริกก์ส

วันที่ 4 ธันวาคม ปีเดียวกัน เรือ Dei Gratia พบแมรี่เซเลสเต้ลอยลำอยู่ในอ่าวโปรตุเกส หลังจากทำการสังเกตุการณ์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้วก็ลงความเห็นว่าอาจจมีเหตุฉุกเฉินบนเรือแมรี่เซเลสเต้ แม้ว่าจะไม่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ กัปตันเรือ Dei Gratia ได้ส่งเรือเล็กพร้อมลูกเรือจำนวนหนึ่งไปยังแมรี่เซเลสเต้ แต่เมื่อไปถึง กลับไม่มีใครอยู่บนเรือเลย คนทั้ง 10 คนหายสาปสูญไปราวกับละลายไปในอากาศ

ตามรายงานกล่าวว่า เรือเปียกทั้งลำ แต่ยังอยู่ในสภาพที่เดินเรือได้ นาฬิกาไม่ทำงานและเข็มทิศถูกทำลาย หากสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือ ทุกอย่างบนเรืออยู่ในสภาพที่ราวกับว่าเพิ่งมีคนอยู่ที่นั่นจนเมื่อครู่ และพวกเขาพากันจากไปอย่างเร่งร้อน ขนมปังและจานซุปยังวางอยู่บนโต๊ะ (บางข่าวบอกว่าซุปยังร้อนอยู่ด้วยซ้ำ) ไปป์ถูกวางไว้รอจุดไฟ รองเท้าบู้ธถูกวางทิ้งทั้งๆที่ยังขัดค้างไว้อยู่

มีรอยเลือดเหลืออยู่บนราวรั้วของเรือ และมีการพบดาบเปื้อนเลือดใต้เตียงนอนของกัปตัน บันทึกเดินเรือถูกฉีกขาดไปหลายหน้า แต่ก็ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นว่าคนทั้ง 10 หายไปไหนและก็ไม่มีใครได้เห็นพวกเขาอีกเลยจริงๆ

มีการสันนิษฐานไปต่างๆนานาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นบนแมรี่เซเลสเต้ บ้างก็ว่าเพราะเจอสัตว์ประหลาดปลาหมึกยักษ์ บ้างก็ว่าเพราะไอระเหยของเอธิลแอลกอฮอลทำให้พวกเขาเห็นภาพลวงตา บ้างก็ว่าเพราะอาหารที่เก็บไว้นานจนเกิดสารพิษ
นอกจากนี้เซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ ได้นำเรื่องของแมรี่เซเลสเต้ไปดัดแปลงเขียนเป็นเรื่องสั้น โดยเปลี่ยนชื่อเรือเป็น Marie Celeste

หลังจากเหตุการณ์ในปี 1872 แล้ว แมรี่เซเลสเต้ยังออกทะเลอีก 12 ปีก่อนจะถูกจมทิ้งเพื่อหวังเงินประกัน ในปี 2001 ซากของเธอถูกกู้ขึ้นมาโดยการสนับสนุนจากนักเขียน ไครบ์ คัสเลอร์ และจอนห์ เดบิส ผู้กำกับชาวแคนาดา